หน้าแรก บล็อก

วิศวกรตัวแทนประเทศไทยได้รับคัดเลือกนำเสนอผลงานเวที UNOOSA

0
ดาวเทียมTHEOS2
ดาวเทียมTHEOS2

ยินดีกับวิศวกรดาวเทียมหญิงตัวแทนประเทศไทย จาก GISTDA ได้รับคัดเลือกนำเสนอผลงานเวทีอวกาศนานาชาติจาก UNOOSA

นางสาวปริพรรษ ไพรรัตน์ หรือ ซุปเปอร์ วิศวกรดาวเทียมจาก GISTDA ได้รับเลือกให้นำเสนอผลงานการพัฒนาองค์ความรู้ด้านอวกาศในประเทศไทย ด้วยแพลตฟอร์มการสอนแบบออนไลน์ ควบคู่กับการสอนแบบลงมือปฏิบัติจริงกับทีมวิศวกรดาวเทียม THEOS-2A ในวันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน 2566 ณ เมืองบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน งานนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานกิจการอวกาศส่วนนอกแห่งสหประชาชาติ หรือ UNOOSA และสหพันธ์อวกาศนานาชาติ หรือ IAF

นางสาวปริพรรษ ไพรรัตน์ หรือ ซุปเปอร์ วิศวกรดาวเทียมจาก GISTDA ได้รับเลือกให้นำเสนอผลงานการพัฒนาองค์ความรู้ด้านอวกาศในประเทศไทย

นอกจากนี้ ซุปเปอร์ ยังได้รับคัดเลือกให้นำเสนอผลงานวิชาการ ด้านการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีอวกาศ ในงาน 74th International Astronautical Congress ที่จัดต่อเนื่องในช่วงวันที่ 2 – 6 ตุลาคม 2566 อีกด้วย

ปัจจุบัน ซุปเปอร์ ปฏิบัติงานอยู่ที่ GISTDA ภายในพื้นที่อุทยานรังสรรค์นวัตกรรมอวกาศ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และเป็นหนึ่งในวิศวกรหญิงของทีมดาวเทียม THEOS-2A ที่ได้รับคัดเลือกให้ไปเรียนรู้การออกแบบดาวเทียมมาตรฐานอุตสาหกรรมจาก Surrey Satellite Technology Limited สหราชอาณาจักร และรับผิดชอบด้านอุปกรณ์ควบคุมการทรงตัวของดาวเทียม

ตัวอย่างภาพถ่ายคุณสมบัติการถ่ายภาพของดาวเทียม THEOS-2 เป็นแบบรายละเอียดสูง

แหล่งที่มา : GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)

#unoosa#IAF#GISTDA#วิศวกรไทย

อาเซียนดันการค้า Digital สร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน

0
Digital Global Industry
Digital Global Industry

นายเอกฉัตร ศีตวรรัตน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 55 เมื่อวันที่ 19-22 ส.ค.66 ณ เมืองเซอมารัง สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ได้สรุปผลลัพธ์สำคัญที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Council) และผู้นำอาเซียน วันที่ 3-7 ก.ย.66 โดยมีประเด็นสำคัญ คือ การจัดทำกรอบความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียน (DEFA)

การจัดทำยุทธศาสตร์ความเป็นกลางทางคาร์บอน และปฏิญญาว่าด้วยกรอบการดำเนินงานสำหรับโครงการพื้นฐานด้านอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจใหม่ของอาเซียนที่ตอบสนองเชิงรุกต่อแนวโน้มการค้าของโลก รวมถึงเตรียมจัดทำวิสัยทัศน์อาเซียนฉบับใหม่ที่จะใช้ภายหลังปี 68 เพื่อยกระดับการรวมตัวของอาเซียนไปสู่การเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวที่เชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ

“ที่ประชุมเห็นชอบเอกสารที่จำเป็นในการเปิดเจรจาจัดทำความตกลง DEFA รวมถึงเอกสารผลการศึกษาประโยชน์และผลกระทบของ DEFA เอกสารแนวทางในการเจรจา และร่างแถลงการณ์ผู้นำอาเซียนในเรื่องนี้ โดยตั้งเป้าจะเริ่มเจรจาปลายปีนี้ และให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี คาดว่า DEFA จะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าด้านดิจิทัลในอาเซียนให้สูงถึง 400,000-600,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 73 ส่วนยุทธศาสตร์อาเซียนเพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอนจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มในเศรษฐกิจสีเขียวและสนับสนุนการเติบโตที่ยั่งยืนของภูมิภาค”

[คำคมนายช่าง] ~ ไอเราก็ว้าวุ่นซะด้วย

0
ไอเราก็ว้าวุ่นเลย
ไอเราก็ว้าวุ่นเลย

ไอเราก็หนี้เยอะซะด้วย…วันไหนไม่มี OT นี้ว้าวุ้นเลย

#คำคมนายช่าง

[นายช่างสอนฟรี] ~ งานซ่อมบำรุงรักษาขั้นพื้นฐาน (Basic Planned Maintenance)

0

[ Live อบรมฟรี ] ~ งานซ่อมบำรุงรักษาขั้นพื้นฐาน (Basic Planned Maintenance)

✅โดยวิทยากร : คุณสิรวิชญ์ ศูนย์กลาง ,เจ้าของ”เพจนายช่างมาแชร์”

📆วันที่-เวลา : 27-July-2023 , 1 ทุ่มตรง

🔴ช่องทาง : Live สดผ่านหน้าเพจนายช่างมาแชร์

#นายช่างมาแชร์ #Maintenance #ซ่อมบำรุง #อบรมฟรี #ความรู้

งาน MIRA และ SUBCON 2023 เปิดเวทีจับคู่ธุรกิจอุตสาหกรรม

0
งาน MIRA และ SUBCON EEC 2023 เปิดเวทีจับคู่ธุรกิจ
งาน MIRA และ SUBCON EEC 2023 เปิดเวทีจับคู่ธุรกิจ

บีโอไอ ผนึกความร่วมมือ สมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย (ซับคอน) และอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ (ประเทศไทย) เปิดตัวงาน MIRA (Maintenance, Industrial Robotics and Automation) และ SUBCON EEC 2023 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 อย่างยิ่งใหญ่ ผลักดันเป้าหมายให้ไทยเป็น “ศูนย์กลางการผลิตและจัดซื้อชิ้นส่วนในภูมิภาคอาเซียน” เสริมแกร่งผู้ประกอบการในพื้นที่อีอีซียกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต คาดว่าจะเกิดการจับคู่ทางธุรกิจกว่า 600 คู่ สร้างมูลค่าการเชื่อมโยงธุรกิจกว่า 2,000 ล้านบาท ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาตินงนุชพัทยา จังหวัดชลบุรี

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เปิดเผยว่า บีโอไอ สมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย (Thai Subcontracting Promotion Association) และบริษัท อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ (ประเทศไทย) ได้ร่วมจัดงาน MIRA (Maintenance, Industrial Robotics and Automation) และ SUBCON EEC 2023 ระหว่างวันที่ 6-8 กันยายน 2566 โดยมุ่งเป้าให้เป็นงานเดียวที่รวบรวมเอาสินค้า โซลูชั่น และบริการอุตสาหกรรมจากบริษัทชั้นนำจากทั้งในประเทศและต่างประเทศมาจัดแสดงอย่างครบวงจรอีกทั้งเป็นพื้นที่เชื่อมโยงอุตสาหกรรมและจับคู่ธุรกิจที่ใหญ่และสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ยังมีบริการให้คำปรึกษาด้านการลงทุนโดยเฉพาะด้านการพัฒนาบุคลากร การวิจัยและพัฒนา และจัดประชุมผู้บริหารระดับสูงภาคเอกชนเพื่อระดมความคิดด้านการส่งเสริมการใช้ชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมภายในประเทศ 

“การจัดงานในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นงานเชื่อมโยงอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคแล้ว ยังมีความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้สามารถสร้างตลาดและเชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานระดับโลก (Global Supply Chain) เพราะเราตระหนักดีว่า ในการสร้างฐานอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ EV อิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบอัตโนมัติ หัวใจสำคัญคือ การมี Supply Chain ที่ครบวงจรและเข้มแข็ง ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมเติบโตอย่างยั่งยืน และทำให้ไทยมีขีดความสามารถในการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ๆ อีกด้วย บีโอไอจึงมีนโยบายและการจัดกิจกรรมที่จะช่วยสนับสนุนให้บริษัทต่างชาติ สามารถเชื่อมโยงกับผู้ผลิตชิ้นส่วนที่อยู่ในประเทศให้มากที่สุด อีกทั้งผู้ผลิตเหล่านี้ได้สั่งสมประสบการณ์และทักษะ จนมีขีดความสามารถในการผลิตชิ้นส่วนป้อนให้กับบริษัทชั้นนำมากมาย เราจึงมองเห็นโอกาสในการผลักดันให้ผู้ประกอบการในประเทศโดยเฉพาะ SMEs ไทย เข้าไปอยู่ในห่วงโซ่อุปทานระดับโลก” นายนฤตม์กล่าว

นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธาน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า ในฐานะผู้นำการจัดงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติ เราทำงานเชิงบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนและส่งเสริมอุตสาหกรรมแห่งอนาคตในพื้นที่ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจที่สำคัญอย่าง EEC ผ่านการจัดงาน MIRA และ SUBCON EEC 2023 ร่วมกับหน่วยงานชั้นนำในการส่งเสริมการลงทุนอย่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และสมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย (ซับคอน) โดยครั้งนี้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ถือเป็นงานแสดงงานเดียวที่รวบรวมเทคโนโลยีด้านการบำรุงรักษาและซ่อมบำรุง หุ่นยนต์อุตสาหกรรม และระบบอัตโนมัติ โซลูชันอุตสาหกรรมจากแบรนด์ชั้นนำ พร้อมงานแสดงชิ้นส่วนอุตสาหกรรมและเวทีเจรจาจับคู่ธุรกิจที่ครบวงจรที่สุดในพื้นที่ EEC เพื่อสนับสนุนภาคการผลิตและธุรกิจไทยให้พร้อมรองรับต่อการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมแห่งอนาคต 

“สำหรับการจัดงานในปีนี้ ได้รวบรวมเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยในภาคอุตสาหกรรมมาจัดแสดงกว่า 150 ราย พร้อมกันนี้ยังได้รวบรวมการประชุมและสัมมนาในหัวข้อสำคัญๆ อาทิ การเสวนาหัวข้อ

“จากกระบวนการผลิต สู่การเลือกใช้ระบบอัตโนมัติที่เหมาะสม” และ A Case Study of Prompt Engineering for Industrial Cybersecurity using ChatGPT และที่พลาดไม่ได้คือ โซนเทคโนโลยีพิเศษ MIRA x FIBO ที่ผู้จัดงานได้ร่วมมือกับ สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี นำสามเทคโนโลยีพิเศษมาจัดแสดง ได้แก่ 1. “มดบริรักษ์” หุ่นยนต์ผู้ช่วยบุคลากรทางการแพทย์ช่วงโควิดที่สามารถนำแนวคิดไปต่อยอดในการจัดการ 2. CHESS ROBOT กิจกรรมการเล่นหมากรุกระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์เล่นหมากรุกสากล และ 3. Interactive Virtual Aquarium ที่สามารถสร้างสรรค์ปลาที่มี character เฉพาะตัวของผู้ชมงานแต่ละคนปล่อยลงสู่ Virtual Aquarium ทั้งนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 5,000 คน ทุกภาคส่วนมองตรงกันว่าเวทีนี้จะเป็นหมุดหมายที่สำคัญในการร่วมสร้างหมุดหมายใหม่ในการลงทุนให้กับภาคเศรษฐกิจไทย” นายมนู กล่าวเสริม

MIRA และ SUBCON EEC 2023 ในปีนี้จัดพร้อมกันกับ EEC Cluster Fair2023งานแสดงนิทรรศการและงานแสดงสินค้าที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve)ในพื้นที่อีอีซีเพื่อยกระดับสู่การเป็นจุดหมายในการลงทุนใหม่ของประเทศ ให้นักลงทุนได้เห็นถึงศักยภาพ ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานรวมถึงการให้ข้อมูลการพัฒนาระบบนิเวศรองรับการลงทุนในทุกมิติ ทั้งนี้โดยสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.mira-event.comMiRAThailand’s Leading Industrial Solution Event in Eastern Economic Corridor on Maintenance, Industrial Robotics, and Automationwww.mira-event.comหรือโทร 02 036 0500

งานเทคโนโลยีความปลอดภัยและการบำรุงรักษากับงาน SISTAM 2023

0
ครั้งแรก! ไทยรุกจัดงานเทคโนโลยีความปลอดภัย – การบำรุงรักษากับงาน SISTAM 2023
ครั้งแรก! ไทยรุกจัดงานเทคโนโลยีความปลอดภัย – การบำรุงรักษากับงาน SISTAM 2023

ไทยเตรียมจัดงาน SISTAM 2023 – Smart Industrial Safety & Technology for Advanced Maintenance หรืองานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมความปลอดภัยอัจฉริยะ และเทคโนโลยีเพื่อการบำรุงรักษาชั้นสูง ครั้งแรก ระหว่างวันที่ 18-20 ตุลาคม 2566 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา

นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม(กรอ.) ในฐานะผู้สนับสนุน และกํากับดูแลการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรม กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมคือการเติบโตที่สำคัญของไทย ปัจจุบันการแข่งขันกันในธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันกันเองในประเทศ หรือการแข่งขันกับต่างประเทศ แต่ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยก็เข้าสู่สังคมสูงอายุ ประชากรวัยแรงงานจึงมีจำนวนลดลง ดังนั้น ภาครัฐจึงมีนโยบายที่จะนำเทคโนโลยีด้านไอทีเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อช่วยแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความปลอดภัยและบำรุงรักษาด้วยนวัตกรรมที่นำไอทีมาใช้ จะสามารถทำให้ตรวจสอบและประเมินได้อย่างละเอียดแม่นยำยิ่งขึ้น หนุนโอกาสการเติบโตในอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องได้ และยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับชุมชนที่อยู่รอบข้างได้อีกด้วย

“ความปลอดภัย เป็นสิ่งที่ประนีประนอมไม่ได้ เพราะเกิดผลทันทีต่อคนที่เกี่ยวข้อง เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น บางคนอาจจะโทษว่าเป็นความโชคร้าย แต่ในมิติของโรงงานอุตสาหกรรมแล้ว ไม่ใช่เรื่องของโชค แต่เป็นเรื่องของระบบความปลอดภัย ซึ่งขณะนี้ในประเทศไทยถือว่าเรายังมีจำนวนผู้เชี่ยวชาญไม่มากพอ ดังนั้นกรมโรงงานอุตสาหกรรมจึงเร่งผลักดันให้ผู้ประกอบการเห็นความสำคัญ เพื่อให้ทุกโรงงานมีระบบความปลอดภัย ทั้งภายในโรงงานเองและปลอดภัยต่อชุมชนรอบข้าง เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมและภาคสังคมอยู่ด้วยกันได้”นายจุลพงษ์กล่าว

นายจุลพงษ์ กล่าวอีกว่า กรมฯ มีการเตรียมการและดำเนินการเพื่อส่งเสริมและการสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมความปลอดภัยอัจฉริยะต่างๆ เช่น มีความร่วมมือกับกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่นในโครงการ Smart Industrial Safety เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยได้เรียนรู้ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมความปลอดภัยและการบำรุงรักษาใหม่ๆ ของประเทศญี่ปุ่นที่จะยกระดับความปลอดภัยของภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเคมี และปิโตรเคมี รวมทั้งการพัฒนาบุคลากรผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การอบรม การสัมมนาต่าง ๆ ด้วย เพราะผู้ประกอบการจะเห็นความสำคัญก็ต่อเมื่อมีทางเลือกหรือมีการส่งเสริม ซึ่งในอดีตมักจะเป็นภาคความสมัครใจ แต่ปัจจุบันไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว ถือว่าเป็นภาคบังคับที่ทุกโรงงานอุตสาหกรรมต้องยกระดับความปลอดภัยให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน

ดร.สุพจน์ ชินวีระพันธุ์ กรรมการและผู้อำนวยการสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) ระบุว่า สมาคมฯ มีนโยบายในการส่งเสริมและสนับสนุนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและพัฒนาบุคลากรในด้านอุตสาหกรรมของประเทศไทย โดยปัจจุบันนี้สมาคมฯ มีสมาชิกรวมทั้งสิ้นกว่า 8,000 ราย ล่าสุด สมาคมฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมให้เติบโต จึงได้ร่วมเป็นผู้จัดงาน SISTAM 2023 – Smart Industrial Safety & Technology for Advanced Maintenance หรืองานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมความปลอดภัยอัจฉริยะ และเทคโนโลยีเพื่อการบำรุงรักษาชั้นสูง เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 18-20 ตุลาคม 2566 และด้วยปีนี้ถือเป็นวาระครอบรอบ 50 ปีของสมาคมฯ จึงได้เปิดตัวโครงการ Thailand-Japan Decarbonization Initiatives (TJDI) อย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นกำลังสำคัญของประเทศที่ช่วยผลักดัน และให้การส่งเสริมองค์ความรู้ พัฒนาบุคลากร และองค์กรต่างๆ ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมทั้ง CO2 ตอกย้ำบทบาทของสมาคมฯ ต่อการส่งเสริมอุตสาหกรรมให้ก้าวตามเทรนด์โลก

ด้าน น.ส.นุชรินทร์ ภารดีวิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กซโปซิส จำกัด กล่าวว่า กลุ่มเป้าหมายของงาน SISTAM คือกลุ่ม B2B คือกลุ่มผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมรายใหญ่ประมาณ 50% และขนาดกลางกับรายย่อยอีกประมาณ 50% โดยจะมีให้ผู้ร่วมออกงาน ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มานำเสนอนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยและการบำรุงรักษา มีเวลาสัมมนาและการอบรมที่หลากหลายพร้อมตอบโจทย์ความต้องการภาคอุตสาหกรรม

ร่วมลงทะเบียนล่วงหน้าเข้าชมงาน Smart Industrial Safety & Technology for Advanced Maintenance (SISTAM 2023)

0
เปิดแล้ว! ร่วมลงทะเบียนล่วงหน้าเข้าชมงาน Smart Industrial Safety & Technology for Advanced Maintenance (SISTAM 2023) กับครั้งแรกของงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมความปลอดภัยอัจฉริยะ และเทคโนโลยีเพื่อการบำรุงรักษาชั้นสูง
เปิดแล้ว! ร่วมลงทะเบียนล่วงหน้าเข้าชมงาน Smart Industrial Safety & Technology for Advanced Maintenance (SISTAM 2023) กับครั้งแรกของงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมความปลอดภัยอัจฉริยะ และเทคโนโลยีเพื่อการบำรุงรักษาชั้นสูง

📣เปิดแล้ว! ร่วมลงทะเบียนล่วงหน้าเข้าชมงาน Smart Industrial Safety & Technology for Advanced Maintenance (SISTAM 2023) กับครั้งแรกของงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมความปลอดภัยอัจฉริยะ และเทคโนโลยีเพื่อการบำรุงรักษาชั้นสูง

📝 ลงทะเบียนเข้าร่วมชมงานได้แล้ววันนี้!

Link ลงทะเบียนเข้าชมงาน: https://bit.ly/3QpUyYb

🎟️ อย่าพลาดโอกาส❗ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงาน SISTAM 2023 

เพื่อสัมผัสกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในความปลอดภัยอัจฉริยะ และเทคโนโลยีเพื่อการบำรุงรักษาชั้นสูง ที่ตอบโจทย์กับทุกภาคอุตสาหกรรม

————————————————————————————

SISTAM 2023 Smart Industrial Safety & Technology for Advanced Maintenance” งานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมความปลอดภัยอัจฉริยะ และเทคโนโลยีเพื่อการบำรุงรักษาชั้นสูง ที่จะเชื่อมต่อคุณเข้ากับอุตสาหกรรมด้านความปลอดภัยและการบำรุงรักษาในอุตสาหกรรมการผลิตที่ครบวงจร

🗓️ วันที่: 18-20 ตุลาคม 2566

📍 สถานที่: ไบเทค กรุงเทพ

🔎 เวบไซต์: https://sistam-asia.com

#SISTAM2023 #sistam #smartindustrialsafety

#technologyforadvancedmaintenance #safety #maintenance #technology #exhibition

ประเภทของระบบน้ำหล่อเย็น (Cooling Water System) ในโรงงานอุตสาหกรรม

0
BAC Cooling Tower CoolingTower
BAC Cooling Tower CoolingTower

ในทุกๆรูปแบบของกระบวนการผลิต หรือ การทำงานของเครื่องจักร จะมีเรื่องราวของความร้อน (Heat Transfer) มาเกี่ยวข้องเสมอ เช่น กระบวนการกลั่น กระบวนการผลิตที่มีปฎิกิริยาคายความร้อน (Exothermic Reaction) หรือ แม้กระทั่งการทำงานของปั๊มก็สามารถเกิดความร้อนได้เช่นกัน ความร้อนเหล่านี้ที่เกิดขึ้นมา “จำเป็นต้องถ่ายเทความร้อนออก” ด้วยวิธีการ “หล่อเย็น (Cooling)” เพื่อให้อุปกรณ์หรือ Unit ของเราไม่ได้รับความเสียหายจากความร้อน โดยวิธีการ หรือระบบที่มีความเรียบ ,ง่ายที่สุด และ ใช้งานมากที่สุด นั่นคือ “ระบบน้ำหล่อเย็น” (Cooling Water)

โดยวันนี้ทางนายช่างจะขอมาเล่าเรื่องราวของประเภทของ “ระบบน้ำหล่อเย็น” ว่ามีแบบไหนบ้าง ทำไมบางอุปกรณ์หรือบางกระบวนการจะต้องเลือกระบบที่ถูกต้อง ข้อดีและข้อเสียของแต่ละระบบ 

น้ำหล่อเย็นระบบเปิดและระบบปิด (Opened loop vs Closed loop System)

ในตำรามีการแบ่งประเภทหลายแบบ แต่นายช่างมาแชร์ขอแบ่งระบบน้ำหล่อเย็นแบบเข้าใจง่ายๆ และใช้จริงในโรงงานที่เจอบ่อยๆ ซึ่งจะมี 2 ประเภท คือ
1.ระบบเปิด (Opened Loop) และ 2. ระบบปิด (Closed loop)  ทั้งนี้สามารถสังเกตได้จากการใช้การแลกเปลี่ยนความร้อนโดยใช้ “อากาศสัมผัสกับน้ำหล่อเย็น” ที่หอน้ำหล่อเย็น แต่ถ้าเป็นระบบปิด “น้ำหล่อเย็นจะวิ่งวนทั้งระบบอยู่ในท่อเท่านั้น”

1. ระบบน้ำหล่อเย็นแบบระบบเปิด (Opened Loop Cooling Water System)

รูป a) แผนภาพแสดง Opened loop cooling water system

จากรูป Unit นี้จะใช้อากาศมาดึงเอาความร้อนออกจากน้ำร้อนที่มาจากกระบวนการ (Warm water หรือ Return water) เพื่อผลิตเป็นน้ำเย็น (Cool water หรือ Cooling water supply) โดยน้ำร้อนจากกระบวนการผลิตจะไหลวนกลับมาที่ด้านบนของ Cooling tower ผ่านหัวสเปรย์ (Spray nozzle) เพื่อกระจายตัวเป็นหยดน้ำอย่างทั่วๆภายใน หอหล่อเย็น

แล้วตกลงมาสวน กับอากาศที่ถูกดูดขึ้นไปโดยใช้ใบพัดลม (Air Fan) เมื่ออากาศสัมผัสกับหยดน้ำร้อน จะเกิดการทิ้งความร้อนจากหยดน้ำร้อนไปสู่อากาศ โดยการระเหยของหยดน้ำเล็กน้อยแล้วไปเป็นความชื้นในอากาศ เรียกความร้อนแบบนี้ว่า Latent heat (จะมีการสูญเสียน้ำประมาณ1-2% ระเหยไปจนกว่าความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศจะอิ่มตัว) แล้วจึงกลายเป็นน้ำเย็น จากนั้นปั๊มน้ำเย็นไปหล่อเย็นในกระบวนการผลิตผ่านเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนทั่วทั่งโรงงาน ดังนั้น น้ำในระบบจะระเหยออกสู่อากาศเรื่อยๆน้ำจึงหายออกจากระบบ

แต่แร่ธาตุและไอออนต่างๆไม่ยังคงอยู่ ทำให้ความเข้มข้นมากขึ้นจนเกินสเปค (Specification) ที่จะสามารถเข้าไปหล่อเย็นอุปกรณ์ได้เนื่องจากจะกัดกร่อน หรือไปตกตะกอนอุดตัน หรือ เป็นตะกรันเกาะท่ออุปกรณ์ต่างๆได้ จึงต้องมีการส่งตรวจวัดผลแลบและเปิดน้ำทิ้งออกจากระบบ (Blowdown) เพื่อลดความเข้มข้อนของระบบ จากการที่น้ำระเหยและมีการ Blowdown จึงต้องมีการเติมน้ำในระบบ (Make-up water) 

2. ระบบน้ำหล่อเย็นแบบระบบปิด (Closed Loop Cooling Water System)

รูป b) แผนภาพแสดง Closed loop cooling water system

ส่วนใหญ่ระบบปิดจะมี System volume เล็กกว่า Opened loop system เพราะไม่ต้องมีหอหล่อเย็น (Cooling tower) มีอุปกรณ์ที่สำคัญคือ ถังน้ำที่ใช้หมุนวน (Circulation tank) ปั๊มส่งน้ำ (Circulation pump) อุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อน (Heat exchanger) และอุปกรณ์ระบายความร้อน (Closed loop cooler) เช่น Cooling exchanger หรือ Air fan cooler เพื่อนำความร้อนออกจากระบบ Closed loop system

หลักการคือ น้ำจะวิ่งออกจากถังแล้วผ่านอุปกรณ์ทำความเย็น (Closed loop cooler) จากนั้นจะไปที่ Users ต่างๆ โดยที่น้ำหล่อเย็นทั้งหมดจะไหลในระบบปิด ระบบนี้ความเข้มข้นของแร่ธาตุในน้ำจะไม่เพิ่มขึ้นเนื่องจากไม่มีน้ำระเหยออกบรรยากาศ

เพื่อเป็นการสรุปความเข้าใจ “นายช่างมาแชร์” ขอสรุปความแตกต่าง ดังตารางนะครับ

ทำไมเราต้องเลือกใช้งานให้ถูกประเภทของระบบน้ำหล่อเย็น? แล้วถ้าใช้ผิดผลกระทบคืออะไร?

อุปกรณ์ที่ใช้น้ำหล่อเย็นจะต้องมีความแน่นอน (Reliability) คือ ไม่รั่ว ไม่ Failure เพราะถ้าหากไม่สามารถหล่อเย็นได้ มีโอกาสที่ความร้อนในระบบจะสูงขึ้นจนไม่สามารถควบคุมได้ และเกิดความเสียหายต่อกระบวนการผลิต หรือแม้กระทั่งเกิดหายนะได้

ถ้าใช้น้ำหล่อเย็นอุปกรณ์ที่ทำงานที่อุณหภูมิ 50 oC ขึ้นไป ถ้าหากน้ำที่ใช้หล่อเย็นมีแร่ธาตุ โดยเฉพาะ Calcium ที่มีอยู่ในน้ำตามธรรมชาติ อุณหภูมิที่สูงจะเร่งตกตะกอนเป็นตะกรัน (Fouling) และอุดตันตามอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อน ทำให้อุปกรณ์ไม่สามารถหล่อเย็นได้และต้อง Shutdown ระบบ หรือ mechanical seal pump แตกบ่อยๆ จากตะกรันที่ไปอุด ถ้านึกไม่ออกก็ขอยกตัวอย่างหม้อต้มน้ำที่บ้านจะมีตะกรันดำๆติดที่ก้นหม้อ ซึ่งปัญหานี้กว่าจะมีคนเจอ Mechanism ในอดีต ก็มีหลายโรงงานที่ไม่ได้ใช้ระบบ Closed loop ต้อง Shutdown บ่อยๆ และระบบไม่มี Reliability  

จากปัญหา High fouling at high temperatures จึงมีคนคิดใช้น้ำ Demineralized water หรือนำไร้แร่ เพื่อป้องกันแร่ธาตุตกตะกอนเป็นตะกรัน จนนำไปสู่การออกแบบระบบ Closed loop system 

ตัวอย่างผลของตะกรัน (Fouling) ที่อุดตันจากน้ำหล่อเย็นที่อุปกรณ์อุณหภูมิสูง [ภาพจากบริษัท BAC cooling tower solution]

แต่ระบบ Closed loop ต้นทุนการดำเนินการ (Operating cost) จะสูงมากเนื่องจาก Chemical Treatment Program จะแพงกว่าระบบ Opened loop ที่ปริมาณน้ำเท่ากัน ดังนั้นในการออกแบบโรงงานจึงต้องออกแบบให้มีทั้ง Opened loop และ Closed loop  

ในบทความนี้เล่าแบบเข้าใจง่ายๆ ผู้อ่านจะได้เข้าถึงและสามารถคุยด้วยความเข้าใจกับคนในอุตสาหกรรมได้อย่างมั่นใจ แต่ถ้าอยากรู้ละเอียดก็สามารถเปิด Text book อ่านเพิ่มเติมต่อยอดได้ สำหรับโรงงานไหนอยากปรับปรุงหรือต้องการลดต้นทุนระบบน้ำหล่อเย็น หรือติดตั้ง Cooling system ที่ทันสมัย

=============================================================

ขอแนะนำ Baltimore Aircoil Company (BAC) ผู้เชี่ยวชาญและขายเทคโนโลยีหอหล่อเย็นที่สามารถช่วยให้ทางโรงงานเพื่อนๆลดค่าใช้จ่ายด้านงานซ่อมบำรุง ปรับปรุงประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานมากขึ้น การันตีด้วยรางวัล World Best Cooling Tower จากประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วยนะครับ

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมด้านล่างนะครับ

หากสนใจเพื่อนๆสามารถติดต่อทางช่องทาง บริษัท Synergy Service ผู้เชี่ยวชาญด้าน Cooling Tower มากกว่า 17 ปี และได้มาตรฐาน CTI

Synergy-Banner-Cooling-Tower-2

ให้บริการครบวงจรตั้งแต่การออกแบบ ก่อสร้าง ติดตั้ง ตรวจสอบ และการซ่อมบำรุงรักษา ด้วยอะไหล่และอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน ด้วยความไว้วางใจจากทางบริษัทชั้นนำของประเทศไทย เช่น PTTGG, SCGC, TRRP เป็นต้น

ติดต่อทาง: คุณเครน , Technical and Sales Engineer
Tel: 065-414-4814
Email: [email protected]

Website: www.synergyservices.co.th
Facebook: https://www.facebook.com/synergycoolingtower
LinkedIn: https://www.linkedin.com/company/synergyservicesth
LINE official: https://page.line.me/synergyservices

===================================================================

#นายช่างมาแชร์ #Synergy #CoolingTower #FillPack #หอหล่อเย็น

ใบพัดลม FRP ประหยัดพลังงานกว่าใบพัดลมอลูมิเนียมจริงหรือไม่?

0
Fan blade cooling tower
Fan blade cooling tower

ในภาคอุตสาหกรรมนั้น ความร้อนเป็นส่วนช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนสิ่งต่างๆ แต่หากเกิดความร้อนมากเกินไป อาจส่งผลให้เกิดความเสียหายและเป็นอันตรายได้ ดังนั้นการจัดการความร้อน (Heat Management) จึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันความเสียหายและอันตรายต่างๆที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อให้เกิดการระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ ในโรงงานต่างๆจึงมีการติดตั้งระบบพัดลม หรือคูลลิ่งทาวเวอร์ เพื่อใช้เป็นส่วนช่วยในการระบายความร้อนออกจากกระบวนการผลิตครับ

คูลลิ่งทาวเวอร์ (Cooling Tower) ถูกสร้างขึ้นจากการประกอบอุปกรณ์หลายอย่างเข้าด้วยกัน ส่วนที่ช่วยให้ตัว Cooling tower ระบายความร้อนออกมาได้ดีนั้น คือ ใบพัด ที่มีอีกหลากหลายชื่อที่หลายท่านใช้เรียกกัน เช่น Fan, fan blade, ใบพัดลม เป็นต้น ทำหน้าที่คอยดูดหรือพัดพาความร้อนออกจากคูลลิ่งทาวเวอร์

ปัจจุบันใบพัดที่นิยมใช้งาน มี 2 ประเภท คือ ใบพัด FRP และใบพัดอลูมิเนียม (Aluminium Fan)

1. ใบพัดจากวัสดุ FRP (Fiberglass-Reinforced Plastics)

คำว่านั้น FRP ย่อมาจาก (Fiberglass Reinforced Plastic) หรือแปลตรงตัวว่า “พลาสติกเสริมเส้นใยแก้ว” หรืออาจจะเป็นที่รู้จักในชื่อ “GRVE pipe” (Glass-fibre reinforced vinyl ester) หรือ “GRE pipe” (Glass reinforced epoxy) ซึ่งเป็นวัสดุที่เกิดจากการผสมกัน (Composite material) ระหว่าง

1. Thermoset plastics ที่มีจุดเด่นทำหน้าที่ต้านทานการกัดกร่อนของสารเคมี (Corrosion) เชื่อมให้เส้นใยแก้วติดกัน 

2. เส้นใยแก้ว (Fiberglass) จะทำหน้าที่เสริมความแข็งแรงให้กับตัววัสดุ (Fiber glass reinforcement) ทำให้วัสดุ FRP สามารถใช้กับสารที่มีฤิทธ์กัดกร่อนได้และยังมีความแข็งแรงคงทนกว่าท่อพลาสติกทั่วไปอย่างท่อ PP และ HDPE

คุณสมบัติของ FRP จะแข็งแรงมากหรือน้อยขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น รูปแบบของเส้นใย กระบวนการขึ้นรูป และชนิดของ Resin ที่ใช้ โดยทั่วๆไป Resin ที่ใช้ผลิต FRP จะเป็น Isophathalic หรือไม่ก็ Vinyl ester  ส่วน Fiber glass ที่ใช้ส่วนมากจะเป็น E-Glass และ C-Glass

กลับไปอ่านบทความ : มาทำความรู้จักกับท่อ FRP (Fiberglass Reinforced Plastic)

รูปภาพแสดงใบพัดจากวัสดุ FRP (Fiberglass-Reinforced Plastics)

ดังนั้น ใบพัดที่ทำจากวัสดุ FRP เป็นใบพัดที่ทำจากไฟเบอร์กลาส(Fiberglass) ถูกฉีดขึ้นรูปด้วยเครื่องจักร 

ข้อดี : มีน้ำหนักเบา ขึ้นรูปได้ง่ายตามความต้อง ราคาถูก มีความต้านทานต่อการกัดกร่อนและทนทานต่อสารเคมีสูง

ข้อเสีย : ไม่สามารถทนความร้อนสูงได้ การบำรุงรักษาค่อนข้างยุ่งยากเพราะหากมีพื้นผิวใบพัดหลุดล่อน จะต้องทำการซ่อมแซมและนำใบพัดลมมา Coating ใหม่ การใช้งานที่เหมาะสมกับใบพัด FRP คือการนำไปใช้งานกับ Cooling tower ครับ

2. ใบพัดวัสดุอลูมิเนียม (Aluminium Fan Blade)

ส่วน Fan Aluminium ก็ตามชื่อเลยนะครับ เป็นใบพัดที่ทำจากอลูมิเนียม  โดยคุณสมบัติของวัสดุอลูมิเนียม คือ มีความต่อต้านการกัดกร่อนได้ดี, ความหนาแน่นต่ำ, อัตราความแข็งแรงต่อน้ำหนักสูง และความเหนียวที่ต้านการแตกหักสูง เมื่อสัมผัสกับอากาศ จะทำให้เกิดชั้นฟิล์มบางๆเรียกว่า อลูมิเนียมออกไซด์ อยู่ที่ชั้นผิวของอลูมิเนียม ซึ่งชั้นผิวนี้จะสามารถป้องกันการกัดกร่อน และกรดต่างๆได้ แต่สามารถป้องกัน อัลคาลิส ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ข้อดี :  มีความแข็งแรง สามารถทนความร้อนได้ดี ง่ายต่อการซ่อมบำรุงเพราะใบพัดอลูมิเนียมส่วนใหญ่จะแค่ล้างทำความสะอาด ไม่ยุ่งยากเท่าใบพัด FRP

ข้อเสีย : ตัวใบพัดอลูมิเนียมมีน้ำหนักมากและส่วนประกอบของใบพัดบางตัวทำจากโลหะ ทำให้เกิดการพุกร่อนได้

ซึ่งใบพัดลมอลูมิเนียมเหมาะกับการใช้งานใน Cooling Tower และ Air Cooled Heat Exchanger

รูปภาพแสดงใบพัดวัสดุอลูมิเนียม (Aluminium Fan Blade)

ใบพัดลม FRP ประหยัดพลังงานกว่าใบพัดลมอลูมิเนียมจริงหรือไม่?

หากลองคิดเร็วๆจากข้อดีข้อเสียของใบพัดแต่ละชนิดตามที่กล่าวมาข้างต้น หลายท่านคงตอบว่า ใบพัด FRP ประหยัดพลังงานมากกว่าใช่ไหมครับ เพราะ fan blade FRP มีน้ำหนักเบากว่าใบพัดอลูมิเนียม  เวลาใช้งานอาจจะไม่ต้องใช้ไฟมากในการทำให้ใบพัดหมุน ทำให้กินพลังงานน้อยกว่า แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผมทำงานด้านนี้มามากกว่า 15 ปี ผมบอกเลยครับว่า “ไม่จริงเสมอไป” เพราะการประหยัดพลังงานของใบพัดลมไม่ได้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักหรือวัสดุที่ผลิต แต่ขึ้นอยู่กับแต่ละเคส ขึ้นอยู่กับประเภทและลักษณะของการใช้งาน ที่สำคัญขึ้นอยู่กับรูปทรงและการออกแบบใบพัดครับ

ซึ่งตัวอย่างการออกแบบของใบพัดที่มีประสิทธิภาพทั้งในเรื่องของการทำงานและเรื่องของการประหยัดพลังงาน ณ ปัจจุบัน ใช้หลักการออกแบบของ Aerodynamic ที่เป็นหลักการเดียวกันกับการออกแบบปีกเครื่องบิน สำหรับท่านผู้อ่านที่ต้องการทราบเกี่ยวกับหลักการ Aerodynamic และทำไมมันถึงมีประสิทธิภาพมากกว่ารุ่นก่อนๆ ผมได้เขียนไว้ในบทความก่อนหน้านี้แล้ว

อ่านบทความ : การประหยัดพลังงานด้วย “High Efficiency Fan Blade”

แต่ถ้าคำถามเปลี่ยนเป็น ใบพัด FRP กับใบพัดอลูมิเนียมที่รูปทรงแบบเดียวกัน โปรไฟล์ใบพัดเหมือนกัน ใบพัด FRP จะประหยัดกว่าหรือไม่ อันนี้ตอบได้เลยว่า “ไม่จริงแน่นอน” เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ดูตามภาพด้านล่างนะครับ

ภาพที่ 3 : ตัวอย่างแสดงทิศทางการทำงานของใบพัด

แรงในแกน Y คือแรง Lift Force หรือแรงยก เป็นแรงยกแบบเดียวกับที่เกิดขึ้นที่ปีกเครื่องบิน แต่ในโลกของคูลลิ่งทาวเวอร์เราจะเรียกว่า Air volume เนื่องจากมันเป็นแรงที่ทำให้เกิดปริมาณลมที่จะนำพาเอาไอความร้อนออกจากคูลลิ่ง

แรงในแกน X คือแรง Drag force หรือแรงที่ต้านทานในใบพัด เป็นแรงที่ส่งผลต่อการใช้พลังงาน หากทราบว่าน้ำหนักของใบพัดที่ระบุเป็นลูกศรสีเหลืองดังภาพที่ 3 คือ แรงที่อยู่ในแกน Y 

กล่าวคือ    แรงที่กระทำตามแนวแกน Y = Lift + Weight , แรงที่กระทำตามแนวแกน X = Drag force

ดังนั้นหมายความว่า น้ำหนักของใบพัดไม่ว่าจะเพิ่มขึ้นเท่าไหร ก็ไม่มีผลต่อ Drag force หรือแรงต้านทานที่อยู่ในแกน X ครับ แม้ในช่วงเริ่มต้นตอน Start การทำงานของใบพัดลมอลูมิเนียมอาจใช้พลังงานมากกว่าเพราะใบพัดอลูมิเนียมมีน้ำหนักมาก มีแรงเฉื่อยสูงกว่าใบพัด FRP ทำให้ใช้พลังงานช่วง Start มากกว่าแค่นั้นเอง เมื่อสังเกตการทำงาน หลังจากระยะหนึ่งจะพบว่าใบพัดทั้ง 2 ประเภทนั้นจะกินพลังงานเท่ากัน จึงเป็นข้อสรุปที่ว่าทำไมน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของใบพัดจึงไม่มีผลต่อการกินพลังงาน

และไม่ว่าจะเป็นใบพัดลม FRP หรือใบพัดลม Aluminium แน่นอนครับว่า ไม่มีใบพัดใดดีกว่าหรือใบพัดใดประหยัดพลังงานมากกว่ากัน ข้อสำคัญอยู่ที่การเลือกใบพัดให้เหมาะสมกับการใช้งานเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น สภาพแวดล้อมในการทำงาน ข้อกำหนดของคูลลิ่งทาวเวอร์ เพราะการเลือกใช้งานใบพัดที่เหมาะสมสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้ Cooling tower ประหยัดพลังงานได้ดีขึ้น

บทสรุปส่งท้าย

ใบพัดลม เป็นส่วนประกอบชิ้นใหญ่ชิ้นหนึ่งภายในคูลลิ่งทาวเวอร์ หนึ่งส่วนสำคัญที่หากไม่ระมัดระวังในการเลือกใช้หรือไม่ใส่ใจในขั้นตอนการติดตั้ง อาจส่งผลให้มันเป็นส่วนที่กินไฟมากที่สุด หรือเป็นส่วนที่สร้างความเสียหายกับคูลลิ่งทาวเวอร์ของท่านมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับชิ้นส่วนอื่นๆภายในคูลลิ่งทาวเวอร์  หากท่านผู้อ่านคิดจะติดตั้งใบพัด เปลี่ยนใบพัดใหม่หรือจะซ่อมแซม Cooling Tower Fan ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ ที่จำเป็นต้องมีการวางแผน มีการศึกษาให้รอบคอบและถี่ถ้วน เพราะเรื่องใบพัดคูลลิ่งทาวเวอร์มีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ มีความซับซ้อน หากเกิดความผิดพลาดขึ้นมา อาจส่งผลให้เกิด ความสูญเสียที่มีมูลค่ามหาศาล

===============================================

หากผู้ให้บริการที่ท่านเลือกมีความชำนาญและไว้ใจได้.. เรื่องอื่นๆที่เป็นปัญหาท่านจะแทบไม่ต้องคิดเลยครับ ผู้ให้บริการของท่านจะช่วยท่านคิดทั้งหมด ให้คำปรึกษาท่านได้ ยกตัวอย่างเช่น หากท่านมี budget ที่ค่อนข้างจำกัด และจำเป็นต้องปรับลดสเปคของคูลลิ่งทาวเวอร์ ท่านก็จะได้ทราบทั้งจุดดีและจุดด้อยของสิ่งที่ท่านเลือก และยอมรับความเสี่ยงได้ตั้งแต่แรก ไม่โดนหลอก และไม่มีเหตุการณ์เซอร์ไพรส์เกิดขึ้นแบบที่ท่านไม่ได้ระวังไว้ครับ

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่าน หากท่านมีคำถามคูลลิ่งทาวเวอร์ หรือมีไอเดียสำหรับบทความถัดไปของเรา เสนอแนะและพูดคุยกันได้ที่อีเมล [email protected] นะครับ เราให้คำปรึกษา/ตอบคำถาม ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย 

===============================================

#นายช่างมาแชร์

ป้องกันอย่างไร ไม่ให้ Fill Pack ในหอหล่อเย็นไฟไหม้ ?

0

หลังจากที่เราลงบทความเล่าเรื่อง Fill Pack PVC ที่มีคุณสมบัติไม่ติดไฟ แต่สามารถทำให้ไฟไหม้คูลลิ่งทาวเวอร์ของได้ โดยได้มีการถกเถียงกันในหลายประเด็น และจากหลายๆความสงสัยที่ตรงกัน มีการสอบถามเข้ามาอย่างต่อเนื่องเลยครับว่า “แล้วมันป้องกันได้ไหม” หรือมีวิธีการหรือแนวทางอะไรในการป้องกันบ้าง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นได้อีก 

กลับไปอ่านบทความ : ทำไม Cooling Tower ถึงเกิดไฟไหมได้ ?

บทความนี้เราจะพูดถึงเกี่ยวกับวิธีการ แนวทางการป้องกัน ไม่ให้ Fii Pack เกิดไฟไหม้ขึ้น เพื่อไม่ให้เหตุกาณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นกับคูลลิ่ง หรือหอหล่อเย็นและให้ท่านมั่นใจได้ว่าคูลลิ่งทาวเวอร์จะไม่เกิดเหตุไฟไหม้จาก Fill Pack แน่นอนครับผม

ชนิดของ Fill Pack ในห่อหล่อเย็น

Fill Pack หรือ แผงรังผึ้งระบายความร้อน โดย Fill Pack ยังผลิตได้จากหลายวัสดุ ทั้งเคลมว่าเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติไม่ติดไฟบ้าง ดับไฟได้เองบ้าง แต่ในบางวัสดุ “มันสามารถไหม้และลุกติดไฟ” ได้นะครับ โดย ณ ปัจจุบันเลย วัสดุในการผลิต Fill Pack ที่ใช้อยู่ในคูลลิ่งทาวเวอร์ของลูกค้าส่วนใหญ่ที่เราพบ จะมีอยู่ 2 วัสดุ คือ PVC และ PP โดยขอขยายความให้เห็นคุณสมบัติ ของ Fill Pack ที่ผลิตจากแต่ละวัสดุ 

1. วัสดุ PVC (Poly Vinyl Chloride )

วัสดุ PVC (Poly Vinyl Chloride ) เป็นเทอร์โมพลาสติกที่มีการใช้งานอย่างกว้างขวาง ทนต่อน้ำ, น้ำมัน,กรด,ด่าง,แอลกอฮอล์ และสารเคมีต่างๆ เมื่อเกิดการติดไฟมันจะดับได้ด้วยตัวเอง “หากใช้ PVC Fill ซึ่งคุณสมบัติตัวมันเองดับไฟได้” เพราะมีก๊าซมาปกคลุม เราต้องไม่ให้เกิดการดึงก๊าซออกไปคือต้องหยุดการทำงานของพัดลมในคูลลิ่งทาวเวอร์ และเมื่อองค์ประกอบของการเกิดไฟไม่ครบไฟมันก็จะดับเองหรือเราสามารถทำได้โดยการสเปรย์น้ำทิ้งไว้ก็ช่วยได้ เมื่อลูกไฟโดนน้ำไฟก็ดับเอง

2. วัสดุ PP ( Poly Propylene )

ส่วนวัสดุ PP ( Poly Propylene ) ที่เป็นเทอร์โมพลาสติกเหมือนกัน แต่มีน้ำหนักที่เบากว่า เหนียว ทนต่อแรงดึง แรงกระแทกและมีความคงตัวไม่เสียรูปง่าย 
ขอขยายความเรื่องเทอร์โมพลาสติกเพิ่มเติมอีกนิดนะครับ เผื่อหลายท่านสงสัยว่ามันคืออะไร “เทอร์โมพลาสติก” เป็นชื่อเรียกชนิดของพลาสติกครับ เป็นพลาสติกที่ใช้กันมากที่สุดในโลก โดยพลาสติกประเภทนี้สามารถนำกลับมารีไซเคิลใหม่ได้ โดยการบดและหลอมด้วยความร้อนเพื่อขึ้นรูปใหม่ 

หากใช้ PP Fill จะต้องเติมสารป้องกันการลามไฟหรือ Fire retardant ซึ่งราคาจะสูงขึ้นมาอีกประมาณ30% จาก PP fill ที่ไม่ได้เติมสารกันการลามไฟ

ตอนเลือกซื้อให้เลือกเอาตามที่เหมาะสม ตามลักษณะของการใช้งาน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ขึ้นมาแล้ว มูลค่าความเสียหายมีมากกว่าที่ตาเราเห็นแน่นอน ไหนจะเสียหายทั้งทรัพย์สิน สูญเสียรายได้ ทรัพยากร คนและเวลา 

เพราะฉะนั้นการเลือกใช้ Fill Pack จึงเป็นเรื่องสำคัญนะครับ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงตั้งแต่แรกนะครับ

===============================================

หากผู้ให้บริการที่ท่านเลือกมีความชำนาญและไว้ใจได้.. เรื่องอื่นๆที่เป็นปัญหาท่านจะแทบไม่ต้องคิดเลยครับ ผู้ให้บริการของท่านจะช่วยท่านคิดทั้งหมด ให้คำปรึกษาท่านได้ ยกตัวอย่างเช่น หากท่านมี budget ที่ค่อนข้างจำกัด และจำเป็นต้องปรับลดสเปคของคูลลิ่งทาวเวอร์ ท่านก็จะได้ทราบทั้งจุดดีและจุดด้อยของสิ่งที่ท่านเลือก และยอมรับความเสี่ยงได้ตั้งแต่แรก ไม่โดนหลอก และไม่มีเหตุการณ์เซอร์ไพรส์เกิดขึ้นแบบที่ท่านไม่ได้ระวังไว้ครับ

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่าน หากท่านมีคำถามคูลลิ่งทาวเวอร์ หรือมีไอเดียสำหรับบทความถัดไปของเรา เสนอแนะและพูดคุยกันได้ที่อีเมล [email protected] นะครับ เราให้คำปรึกษา/ตอบคำถาม ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย 

===============================================

#นายช่างมาแชร์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ยินยอมใช้ Cookie สำหรับการติดตามการใช้งานเวปไซท์ นายช่างมาแชร์ เพื่อปรับปรุงคุณภาพของเนื้อหาและบริการ

บันทึกการตั้งค่า