เห็นประเด็นดราม่าในโลก Social เกี่ยวกับการเติมน้ำมัน แอดเองก็อยากมาแชร์ว่าระบบการสอบเทียบเครื่องมือวัดนั้น สำคัญไฉน และทำไมเราต้องมีการสอบเทียบ (Calibration) กันด้วย แอดเชื่อว่าอุปกรณ์ทุกๆอย่างที่เราใช้งาน เมื่อผ่านระยะเวลาหนึ่งๆย่อมเกิดการสึกหรอเกิดขึ้น อุปมาอุไมยกับรถยนต์ใหม่ๆ เมื่อเราปล่อยพวงมาลัยก็ยังคงเคลื่อนที่เป็นเส้นตรง
แต่เมื่อใช้ไปนานๆ ย่อมเกิดการสึกหรอจนทำให้การขับเคลื่อนไม่เป็นเส้นตรง แล้วเราแก้โดยการถ่วงล้อซึ่งเปรียบเสมือนกับการปรับแต่งใหม่นั่นแหละครับ
เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หลายๆคน ที่ทำงานอยู่ในโรงงานอุตสาหกรรม ย่อมรู้ดีว่าในส่วนของตัววัด (Sensor) เราย่อมมีรอบระยะเวลาในการตรวจสอบค่าที่อ่านได้ตามรอบเวลา เพื่อให้มั่นใจได้ว่าค่าที่อ่านได้มีความน่าเชื่อถือใช่ไหมครับ ซึ่งลักษณะของตัววัด (Sensor) จะขึ้นอยู่กับลักษณะของธุรกิจนั้นๆ เช่น
- ธุระกิจปิโตรเคมี (Petrochemical) ตัววัดที่นิยมส่วนใหญ่คือ ตัววัดความดัน (Pressure) , ตัววัดอุณหภูมิ (Temperature) , ตัววัดอัตราการไหล (Flow) , ตัววัดระดับ (Level) เป็นต้น
- ธุรกิจส่วนประกอบ (Part) ต่างๆ ตัววัดที่นิยมคือ ตัววัดขนาด (micrometer) , Dial gauge เป็นต้น
นิยาม “การสอบเทียบ” หรือ “Calibration” แบบเข้าใจง่าย
การสอบเทียบเอาตามความเข้าใจง่ายๆเลยคือการที่เรา”ทดสอบ” การอ่านค่าของอุปกรณ์ “เทียบกับ” ค่าที่เรารู้ปริมาณ ซึ่งค่าที่เรารู้ปริมาณ บางครั้ง จะเรียกว่า ตัวมาตรฐาน (standard) หรือค่ามาตรฐาน หลักการในการปฏิบัติเบื้องต้น ง่ายๆ เลยครับ คือเอาตัวมาตรฐานใส่เข้าไปแล้วดูว่าตัวอ่าน อ่านค่าได้เท่าไร ภายใต้สภาวะควบคุมที่ไม่ส่งผลต่อการวัด ซึ่งค่าที่อ่านออกมาถ้ามีค่าเท่ากับตัวมาตรฐาน ก็แสดงว่าอุปกรณ์อ่านค่านั้นถูกต้อง แต่ถ้าอ่านค่าต่างกัน เราจะเรียกค่าต่างนั้นว่า ค่าความไม่แน่นอน (uncertainty)
ตามความเป็นจริงในชีวิต การวัดส่วนใหญ่ที่แอดเจอ จะมีค่าความไม่แน่นอนในการวัดเสมอ ซึ่งจะมีการเขียนเป็นค่า +/- ต่อท้าย ซึ่งถ้าเครื่องอ่าน อ่านค่ามาตรฐานเกินหรือขาด กว่าค่ายอมรับ (Tolerance) เราสามารถสรุปได้ง่ายๆเลยครับ ว่าเครื่องนี้ตก spec. ไปแล้ว
Credit: blog.beamex.com
แล้วทำไมเราต้องสอบเทียบกัน (Calibration) ด้วย ???
1.ด้านความถูกต้องของการอ่านค่าของอุปกรณ์ (Accuracy)
ด้านความถูกต้องของการอ่านค่าของอุปกรณ์ (Accuracy) ถ้าหากอุปกรณืมีค่าเบี่ยงเบนที่เยอะเกินไป เราอาจต้องทำการปรับแต่งค่า (Calibration) เพื่อให้อุปกรณ์อ่านค่าให้ถูกต้อง
2. ความสอดคล้องกับข้อกำหนดหรือมาตรฐานต่างๆ
เพื่อสอดคล้องกับข้อกำหนดหรือมาตรฐานต่างๆ โดยเฉพาะระบบการวัดที่ใช้งานในระบบนิรภัย (Emergency system) ลองคิดภาพตามแอดดูครับ ถ้าหากอุปกรณ์เราอ่านค่าผิดไปเยอะ ระบบนิรภัยของเราจะมีความเสี่ยงขนาดไหน
3. การประกันคุณภาพของสินค้า (Quality assurance)
เพื่อให้คุณภาพของสินค้าเป็นไปตามการประกันคุณภาพ (Quality assurance) ในระบบการผลิตเราจะต้องส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพส่งถึงมือลูกค้า จากรูปเห็นได้เลยครับว่า Pepsi มีระดับของน้ำเท่ากันทุกขวด
4.ระบบการซื้อ-ขาย (Metering System)
เพื่อให้ระบบการคิดเงินถูกต้อง ในส่วนนี้ค่อนข้างจะส่งผลต่อต้นทุนบางอย่างของโรงงานด้วยครับ โดยเฉพาะค่า Utilities ต่างๆเช่น ค่าไฟฟ้า , ค่าน้ำประปา แอดลองให้ทุกท่านจินตนาการดูครับ ถ้าเราใช้ตัววัดที่อ่านค่าผิดเป็นตัวที่ใช้ในการคิดเงิน จะเกิดอะไรขึ้น
การสอบเทียบ Calibration มีขั้นตอนหลักๆ อย่างไรบ้าง
1. เตรียมอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในการสอบเทียบให้พร้อม (Preparation)
เตรียมอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในการสอบเทียบให้พร้อมสำหรับการสอบเทียบและควบคุมสภาวะที่ใช้ในการสอบเทียบ ซึ่งสภาวะควบคุมจะแปรเปลี่ยนตามสิ่งที่จะวัดครับ เช่นถ้าเป็นตาชั่งละเอียด ลมก็จะมีผลต่อการวัด , ถ้าเป็นการวัด Dimension ละเอียด อุณหภูมิก็จะมีผลต่อการวัด , ถ้าเป็นการวัดเกี่ยวกับไฟฟ้า ค่าความชื้น ย่อมมีผลต่อการวัด เป็นต้น
2. การทดสอบเครื่องมือวัดก่อนใช้งาน (Test before use)
ทดสอบเครื่องมือวัดเดิมว่าสามารถอ่านค่าได้ถูกต้องหรือไม่ แล้วจึงนำไปใช้กับอุปกรณ์ที่ถูกสอบเทียบ (UUC : unit under calibration) ในขั้นตอนนี้ก่อนที่เราจะนำไปใช้งานเราจะต้องคอยสังเกตุเครื่องมือของเราอีกหนึ่งขั้นตอนเพื่อเป็นการทวนสอบก่อนใช้งานครับ
3. ดำเนินการสอบเทียบ (Calibration and Record)
ดำเนินการสอบเทียบโดยต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่ออกแบบไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้มั่นใจว่าเราเองได้ทำตามระบบที่ออกแบบไว้ พร้อมทั้งบันทึกผล ในขั้นตอนนี้หลักๆจะเป็นการป้อนค่าแล้วอ่านค่าที่ได้ออกมา บางครั้ง เราอาจบันทึกค่าที่อ่านได้มากกว่าหนึ่งครั้งต่อหนึ่งจุดการวัดก็ได้เช่นกัน
4. คำนวณวิเคราะห์ผลลัพธ์ว่าอุปกรณ์ยังอยู่ในความแม่นยำที่ยอมรับหรือไม่ (Calculation and Analysis)
ถ้ายังอยู่ในเกณฑ์แสดงว่าสามารถใช้งานอุปกรณ์นั้นได้ ในขั้นตอนนี้ค่อนข้างซับซ้อนถ้าลงรายละเอียด จริงๆแล้วคืออาศัยวิชาสถิติแหละครับในการคำนวณ และในส่วนของผู้ใช้งาน ในทางปฏิบัติเมื่อเรานำอุปกรณ์กลับมาให้อ่านค่าว่า +/- uncertainty เกินเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ ถ้าไม่เกินก็แสดงว่าเอาไปติดตั้งใช้งานได้ครับ
แล้วพบกับสาระดีๆแบบนี้ทางด้านงานช่าง งานวิศวกรรม และอุตสาหกรรมได้ที่ นายช่างมาแชร์ นะครับ
Website: www.naichangmashare.com
Facebook: https://www.facebook.com/naichangmashare/
Blockdit : https://www.blockdit.com/naichangmashare
Instragram: https://www.instagram.com/naichangmashare/
Twitter: https://twitter.com/naichangmashare
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCmIPiSeg-uy4k8JYSmknp_g
#นายช่างมาแชร์ #Instrument #Control #Calibration